AI แจ้งเตือนน้ำท่วมก่อนสาย ไม่ต้องรอเพจกรมอุตุ

ในประเทศที่ฝนมาไว น้ำหลากเร็ว การรู้ “ก่อน” คือทุกอย่าง แต่พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมจำนวนมากยังรอข้อมูลรวมศูนย์ที่มาช้าเกินไป โซลูชัน Water Level Monitoring ของ Canal One วาง “สมองกล” ไว้หน้างาน ตรวจวัดระดับน้ำแบบเรียลไทม์ และแจ้งเตือนอัตโนมัติไปถึงคนที่ต้องตัดสินใจทันที เพื่อให้ทีมลงมือ ก่อน น้ำจะล้นคันกั้นหรือท่วมพื้นที่วิกฤติ

Water-Level Monitoring บน ASAP Platform คืออะไร

ASAP (All Smart AI Platform) คือแพลตฟอร์ม AI ที่ทำงานร่วมกับอุปกรณ์เดิมขององค์กร เพื่อวิเคราะห์ แยกแยะ ตรวจจับแนวโน้มเหตุผิดปกติได้ครอบคลุม ตั้งแต่ด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงภัยพิบัติ รวม Water Level Monitoring, Air Quality และ Temp Monitoring ในระบบเดียว พร้อมสามารถ “ติดต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบอัตโนมัติ” เมื่อถึงเกณฑ์ความรุนแรงที่กำหนดไว้ล่วงหน้า  

ทำไมต้อง “ป้องกันเชิงรุก” ด้วย AI หน้างาน (Edge-first)

• เร็วกว่า: ประมวลผลที่ขอบเครือข่าย (Edge AI) ลดดีเลย์จากการส่งขึ้นคลาวด์ เหมาะกับพื้นที่เน็ตไม่เสถียร/สัญญาณสะดุด

• ปลอดภัยกว่า: เก็บข้อมูลเท่าที่จำเป็น ลดการนำข้อมูลขึ้นคลาวด์โดยไม่จำเป็น และรวมไซเบอร์+กายภาพเป็น “ภาพเดียว” ผ่าน Unified Security System

• ทำงานต่อได้: แจ้งเตือนได้บนอุปกรณ์ภาคสนามหลากหลาย เช่น วิทยุสื่อสาร ไซเรน/สโตรบไลต์ และมือถือ ข้อมูลถึงทีมเร็วขึ้น ตอบสนองทันเวลา

จาก “เฝ้าระวัง” สู่ “ป้องกัน” ใน 4 ขั้นตอนอัตโนมัติ

1. วัด–วิเคราะห์: เซ็นเซอร์ระดับน้ำส่งค่ามาให้ ASAP ประเมินแนวโน้ม (เช่น อัตราเพิ่มขึ้น/ระดับวิกฤติ) พร้อมคัดกรองสัญญาณรบกวน
2. เตือนแบบเรียลไทม์: ส่งแจ้งเตือนอัตโนมัติไปยังอุปกรณ์ที่ทีมใช้งานจริง (มือถือ แอป วิทยุสื่อสาร ฯลฯ)

3. เชื่อม SOP ระบบแนบคำแนะนำขั้นตอน (SOP) และสามารถสั่งงานอัตโนมัติ เช่น เปิดไซเรน กั้นพื้นที่ หรือส่งข้อความเตือนไปยังชุมชน/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  

4. ตอบสนองขั้นสูง (ASAP) หากจำเป็น ยกระดับคำสั่งอัตโนมัติ เช่น สั่ง โดรน ตรวจเส้นทางน้ำ/จุดตาบอด เพื่อยืนยันสถานการณ์และนำทางทีมลงพื้นที่  

‍

เชื่อมต่ออุปกรณ์เดิม ขยายได้แบบเป็นเฟส

ASAP รองรับ Multi Platform & IoT Integration ต่อเซ็นเซอร์น้ำ กล้อง CCTV ระบบเสียงตามสาย วิทยุสื่อสาร แอป และระบบศูนย์สั่งการเดิมเข้าแพลตฟอร์มเดียว โดยไม่ล็อกยี่ห้อ พร้อมสเกลทีละไซต์ตามความเสี่ยงและงบประมาณขององค์กร

‍

เมือง นิคม โรงงาน ที่ได้ประโยชน์ทันที

• เขตเมือง/เทศบาล: เตือนน้ำล้นคู–ลำรางล่วงหน้า ช่วยบริหารการปิดถนน/เบี่ยงเส้นทางและแจ้งชุมชนได้รวดเร็ว

• นิคมอุตสาหกรรม/คลังสินค้า: เฝ้าระวังน้ำท่วมพื้นที่รับ–จ่ายสินค้า/ห้องเครื่อง และทริกเกอร์ SOP อัตโนมัติให้ทีมยูทิลิตี้

• โรงไฟฟ้า/โครงสร้างพื้นฐาน: รวมข้อมูลระดับน้ำกับกล้องและเซ็นเซอร์อื่นใน Smart Integrated Operation Center (IOC) เพื่อตัดสินใจเร็วขึ้น แม่นยำขึ้น  

‍

Green Tech ปลอดภัยขึ้นและยั่งยืนขึ้น

แนวทางของ Canal One ผสาน AI Green Tech ลดการใช้พลังงานของระบบกล้อง/เครือข่ายและโครงข่าย รวมถึงออกแบบให้ใช้งานได้จริงภายใต้ข้อจำกัดพลังงาน ปลอดภัยขึ้นโดยไม่เพิ่มคาร์บอนฟุตพริ้นต์เกินจำเป็น

‍

จะเริ่มยังไงดี (Water-Level Roadmap)

1. สำรวจจุดเสี่ยง: ระบุคลอง/ลำราง/จุดต่ำ/โครงสร้างที่วิกฤติ
2. ติดตั้งเซ็นเซอร์เป็นเฟส: เริ่มจากจุดวิกฤติ เชื่อมเข้ากับ ASAP ผ่าน API/Universal Connector
3. ตั้งเกณฑ์เตือน + SOP: ระดับเตือน 1–3, ช่องทางแจ้งเตือน, แผนตอบสนองอัตโนมัติ
4. ซ้อมแผน & ปรับปรุง: ทดลองสถานการณ์ฝนหนัก/กีดขวางทางน้ำ ปรับค่าเกณฑ์ให้เหมาะกับพื้นที่
5. (ทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกับ On-the-Go Monitoring เพื่อให้ผู้บริหารและภาคสนามเห็นภาพเดียวกัน)

‍

“รู้ก่อน–เตือนก่อน–ลงมือก่อน”

Water-Level Monitoring บน ASAP Platform เปลี่ยนเกมจาก “เฝ้าระวัง” เป็น “ป้องกัน” ด้วย Edge AI หน้างาน การแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ การเชื่อม SOP และความสามารถในการติดต่อหน่วยงานอัตโนมัติ เพื่อลดความเสียหายด้านชีวิตและเศรษฐกิจในนาทีสำคัญของไทย  

‍

FAQ

ทำไมต้องใช้ AI แทนเซ็นเซอร์ระดับน้ำธรรมดา?

เซ็นเซอร์อย่างเดียว “รู้ค่า” แต่ไม่ “ลงมือ” ASAP ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์แนวโน้ม ผูกเกณฑ์เตือน และเชื่อม SOP/Automation เพื่อสั่งงานอุปกรณ์ภาคสนามทันที (เช่น ไซเรน/ประกาศ/ปิดกั้น)

ถ้าเน็ตล่ม ระบบยังเตือนได้หรือไม่?
ได้ แนวทาง Edge-first ทำให้ระบบประมวลผลและแจ้งเตือนที่หน้างาน ลดการพึ่งพาคลาวด์ เหมาะกับพื้นที่ที่สัญญาณไม่เสถียร

แจ้งเตือนผ่านอะไรได้บ้าง?
มือถือ แอป วิทยุสื่อสาร ไซเรน/สโตรบไลต์ และช่องทางที่ทีมเลือกได้ตามเวิร์กโฟลว์ขององค์กร

ระบบรองรับการส่งโดรนตรวจพื้นที่หรือไม่?
รองรับ เมื่ออัปเกรดเป็น ASAP+ สามารถสั่งโดรนบินตรวจเส้นทางน้ำ/เขตเสี่ยงอัตโนมัติและส่งภาพยืนยันกลับศูนย์สั่งการ