ปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่ได้เกิดเฉพาะ “หน้าหนาวในกรุงเทพฯ” และไม่ได้คงที่ทั้งเมือง มันเปลี่ยนทุกชั่วโมงและต่างกันแค่ข้ามถนนด้วยซ้ำ การรอข้อมูลรวมศูนย์เพียงอย่างเดียวจึง “ช้าไปหนึ่งก้าว” สำหรับโรงงาน โรงเรียน โรงพยาบาล และเขตเมืองที่ต้องตัดสินใจทันที
คำตอบคือ วาง “สมองกล” ไว้ หน้างาน ให้ AI Air Monitoring รู้ก่อน เตือนก่อน และ “สั่งการอัตโนมัติ” ได้ทันทีผ่าน ASAP Platform ของ Canal One
ทำไม PM2.5 ต้องใช้ “AI Air Monitoring” มากกว่าเซ็นเซอร์ธรรมดา
- รู้แบบเรียลไทม์ + คาดการณ์แนวโน้ม: AI วิเคราะห์ทิศทางลม/สภาพแวดล้อม/พฤติกรรมหน้างาน → รู้ว่า “จะพุ่งขึ้นเมื่อไร” ไม่ใช่แค่รู้ว่าตอนนี้เท่าไหร่
- ครอบคลุมจุดบอด (Micro-hotspots): ติดตั้งได้หลายจุดในโรงงาน/ชุมชน สร้างแผนที่ความเสี่ยงแบบ Heatmap เพื่อเห็นจุดวิกฤติจริง
- Edge-first ไม่ง้อเน็ต: คิดที่อุปกรณ์หน้างาน ลดดีเลย์/พึ่งพาคลาวด์ และยังเตือนต่อได้แม้สัญญาณสะดุด
- ต่อยอดเป็น “การลงมืออัตโนมัติ”: ผูก SOP Automation เช่น ปิดลมภายนอก (Fresh Air Damper), เพิ่มการกรอง HEPA, ส่งประกาศเตือน, แจกหน้ากาก, เลื่อนกิจกรรมกลางแจ้ง
- โปร่งใสและตรวจสอบได้: เก็บบันทึกเหตุ–การตอบสนอง–ผู้รับผิดชอบ เพื่อ Compliance/ESG Reporting ได้ทันที
ASAP Platform สำหรับคุณภาพอากาศ: รู้–เตือน–สั่งงาน ในระบบเดียว
ASAP (All Smart AI Platform) เชื่อม เซ็นเซอร์อากาศ, CCTV, PA System, วิทยุสื่อสาร, แอปมือถือ, ป้ายดิจิทัล, BMS/HVAC และแหล่งข้อมูลอื่นให้พูดคุยกันได้ เพื่อให้ “คน–ข้อมูล–อุปกรณ์” ทำงานเป็นทีมเดียว
จุดเด่นหลัก
- Sensor Fusion & AI Scoring รวมค่าฝุ่น/ก๊าซ/อุณหภูมิ/ความชื้น + บริบทพื้นที่ เพื่อคะแนนความเสี่ยงที่เชื่อถือได้
- Predictive Alerts ตั้งเกณฑ์หลายระดับ (Advisory/Warning/Critical) พร้อมแจ้งเตือนผ่าน มือถือ, LINE OA, วิทยุสื่อสาร, ไซเรน/สโตรบไลต์, API
- SOP อัตโนมัติ ผูกเหตุ → การกระทำ เช่น ปิด/เปิด Damper, เพิ่มรอบเครื่องกรอง, ส่งข้อความประชาสัมพันธ์อัตโนมัติ
- Unified Security System รวมงานสิ่งแวดล้อมกับความปลอดภัยกายภาพ/ไซเบอร์ไว้จอเดียว ลดไซโลและงานมือซ้ำซ้อน
- Edge + Green Tech ลดแบนด์วิดท์และพลังงานด้วยการประมวลผลใกล้แหล่งกำเนิดข้อมูลและอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน
ยูสเคสที่ “เห็นผลเร็ว” สำหรับไทย
- โรงงาน/คลังสินค้า: คุมโซนโหลด ขนถ่าย/พ่นสี/เชื่อมโลหะ ลดการสัมผัสฝุ่นของพนักงาน พร้อม Compliance Monitoring และหลักฐานออดิท
- โรงเรียน/มหาวิทยาลัย: ตั้งเกณฑ์ย้ายกิจกรรมในที่ร่มอัตโนมัติ แจ้งผู้ปกครอง/ครูผ่าน LINE OA ทันที
- โรงพยาบาล/อาคารสาธารณะ: เชื่อม BMS/HVAC ให้ระบบปรับอากาศเข้มข้นขึ้นเองเมื่อค่าฝุ่นสูง
- สมาร์ตซิตี้/เทศบาล: แผนที่ AQ Heatmap ตัดสินใจปิด เบี่ยงเส้นทาง จัดการจุดเผา/ก่อฝุ่น และสื่อสารประชาชนแบบเฉพาะพื้นที่
จะเริ่มอย่างไร (Roadmap 5 ขั้น)
- กำหนดเป้าหมาย & KPI จะลดเวลาระหว่าง “ค่าฝุ่นพุ่ง” กับ “การแจ้งเตือน” กี่นาที? จะลดชั่วโมงสัมผัสฝุ่นของพนักงานเท่าใด?
- สำรวจจุดเสี่ยง โซนผลิต/ทาวเวอร์รับลม/ลานขนส่ง/สนามเด็กเล่น กำหนดตำแหน่งติดตั้งเซ็นเซอร์เป็นเฟส
- เชื่อมต่อกับ ASAP ใช้ API/Universal Connector ต่อเซ็นเซอร์, PA, วิทยุ, ป้ายดิจิทัล, BMS/HVAC เข้าระบบเดียว
- ตั้งเกณฑ์เตือน + SOP ระดับ 1–3, ช่องทางแจ้งเตือน, Action อัตโนมัติที่วัดผลได้
- ซ้อม–ปรับปรุงโมเดล ทดสอบสถานการณ์จริง (เช้า–เย็น–ช่วงเผา) ปรับเกณฑ์/โซนความเสี่ยง และรีพอร์ตผลทุกไตรมาส
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
AI Air Monitoring ต่างจากป้ายแสดงค่า AQI ทั่วไปอย่างไร?
ระบบทั่วไป “รายงานย้อนหลัง” ขณะที่ AI ของ ASAP “คาดการณ์ + สั่งการอัตโนมัติ” ได้ เช่น ปรับระบบกรองอากาศ/แจ้งเตือนพนักงาน/ย้ายกิจกรรม พร้อมบันทึกเหตุและการตอบสนองเพื่อออดิท
ถ้าอินเทอร์เน็ตล่ม ยังแจ้งเตือนได้หรือไม่?
ได้ สถาปัตยกรรม Edge-first ทำให้ประมวลผลและเตือนที่จุดติดตั้ง ต่อให้เน็ตสะดุด ระบบยังส่งสัญญาณผ่านอุปกรณ์หน้างานได้
ต้องเปลี่ยนเซ็นเซอร์ใหม่ทั้งหมดไหม?
ไม่จำเป็น ASAP รองรับ Multi Brand/Multi Protocol ต่อของเดิมเข้ามา และค่อยๆ เพิ่มโหนดใหม่ตามงบประมาณ
ข้อมูลส่วนบุคคลปลอดภัยไหม?
เรายึด Privacy & Security by design พร้อม Compliance Monitoring ที่ตั้งกฎและสิทธิ์เข้าถึงตามนโยบายองค์กร และมีบันทึกการตัดสินใจ (Audit Trail) ตรวจสอบได้
AI + Air = ตัดสินใจไว ลดผลกระทบได้จริง
การจัดการ PM2.5 ที่มีประสิทธิภาพเริ่มจาก “รู้ทันเวลา” และ “ลงมือได้ทันที” ASAP Platform ทำให้ AI Air Monitoring เป็นมากกว่าการเฝ้าดูตัวเลข แต่คือระบบ ป้องกันเชิงรุก ที่เชื่อมคน ข้อมูล อุปกรณ์ให้ทำงานเป็นทีมเดียว
